วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สรุปบทที่ 1

บทนำ
ความรู้ด้านธุรกิจ  จำแนกได้เป็น 5 ข้อย่อย ดังนี้
1 ธุรกิจ (Business Entity) คือ องค์การหนึ่งซึ่งเสนอขายสินค้าหรือบริการต่อลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจนั้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรทางธุรกิจหรือการทำรายได้ให้กับองค์การ
รูปแบบขององค์กรธุรกิจมีดังนี้
                รูปแบบที่ 1 เจ้าของคนเดียว คือ มีบุคคลเพียงคนเดียวเป็นเจ้าของและรับผิดชอบในหนี้สินของร้านโดยไม่จำกัดจำนวนเงิน
                รูปแบบที่ 2 ห้างหุ้นส่วน คือ กิจการที่มีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเข้าร่วมลงทุน ซึ่งจำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ
                                1 ห้างหุ้นส่วนสามัญ  ร่วมกันรับผิดชอบหนี้สินของห้างหุ้นส่วนไม่จำกัดจำนวนหุ้น จะมีการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือไม่ก็ได้
                                2 ห้างหุ้นส่วนจำกัด คือ ห้างหุ้นส่วนที่ประกอบด้วยผู้เป็นห้างหุ้นส่วน 2 ประเภทที่รับผิดชอบในหนี้สินอย่างไม่จำกัดจำนวนเงิน และประเภทที่รับผิดชอบในหนี้สินโดยจำกัดคาจำนวนเงิน
                รูปแบบที่ 3 บริษัทจำกัด คือตั้งขึ้นในรูปแบบนิติบุคคล จำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ บริษัทเอกชนและบริษัทมหาชน
                รูปแบบที่ 4 รัฐวิสาหกิจ หรือห้างหุ้นส่วนที่มีทุนจดทะเบียนของรัฐเกิน 50%
2 ประเภทของธุรกิจ ประเภทของตลาดธุรกิจออกเป็น 3 ประเภทดังนี้
                ประเภทที่ 1 หน่วยบริการ มีจุดมุ่งหมายที่จะบริการลูกค้าและคิดค่าธรรมเนียมบริการเป็นการตอบแทน
                ประเภทที่ 2 หน่วยสินค้า เป้าหมายของธุรกิจประเภทนี้คือ การมุ่งเน้นที่จะซื้อสินค้าในราคาต่ำและขายสินค้าในราคาสูงเพื่อนำส่วนต่างของราคาขายมาเป็นผลกำไร
                ประเภทที่ 3 หน่วยผลิตสินค้า มุ้งเน้นที่จะผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพในราคาต้นทุนที่ต่ำและขายในราคาที่สูง
3 การจัดตั้งและการดำเนินงานทางธุรกิจ
                จุดเริ่มต้นของการดำเนินธุรกิจจะต้องนำเงินมาลงทุนร่วมกันเพื่อจัดตั้งธุรกิจขึ้นตามวัตถุประสงค์และรูปแบบการลงทุนขององธุรกิจ โดยอาจเรียกว่าการเสี่ยงลงทุน แต่หากเงินลงทุนไม่เพียงพอก็อาจจะกู้ยืมเงินจากแหล่งกู้ยืมภายนอกกิจการ ในส่วนกิจกรรมการดำเนินงานหมารวมถึงสิ่งต่อไปนี้ คือ
                กิจกรรมที่ 1 การจัดหาวัตถุดิบ สินค้า หรือทรัพยากรอื่นๆ
                กิจกรรมที่ 2 การใช้ทรัพยากร
                กิจกรรมที่ 3 การขาย ตลอดจนการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการต่อลูกค้า
4 หน้าที่ทางธุรกิจ
                มักถูกใช้เพื่อแบ่งองค์การเข้าสู่เขตพื้นที่รับผิดชอบภายใต้ภาระงาน การกำหนดเขตพื้นที่ของแต่ละหน้าที่งาน มักจะกำหนดตามการไหลของทรัพยากรจากหน้าที่หนึ่งเข้าสู่อีกหน้าที่หนึ่ง การจัดแบ่งหน้าที่งานทางธุรกิจจะแตกต่างตามประเภทของธุรกิจ
5 การจัดโครงสร้างองค์การ
                การดำเนินการทางธุรกิจส่วนใหญ่ จะดำเนินตามโครงสร้างองค์การของธุรกิจที่สะท้อนให้เห็นถึงอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของบุคลากรในองค์การโดยแต่ละหน้าที่งานของธุรกิจจะเกิดกิจกรรมการดำเนินงานที่แตกต่างกัน ดังนี้
                - หน้าที่งาน 1 การจัดการวัตถุดิบ (Raw materials Management)
                - หน้าที่งาน 2 การผลิต (Production)
                - หน้าที่งาน 3 การตลาด (Marketing)
                - หน้าที่งาน 4 การจัดจำหน่าย (Distribution)
                - หน้าที่งาน 5 ทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource)
                - หน้าที่งาน 6 การเงิน (Finance)
                - หน้าที่งาน 7 การบัญชี (Accounting)
                - หน้าที่งาน 8 การบริหารคอมพิวเตอร์ (Computer Service)
ความรู้ด้านสารสนเทศ
1. ข้อมูล สารสนเทศ และความรู้
            1.1 ข้อมูล คือ คำพรรณนาถึงสิ่งของ เหตุการณ์ กิจกรรม และธุรกรรม แต่ยังไม่มีการจัดโครงสร้าง อาจอยู่ในรูปแบบตัวอักษร ตัวเลข รูปภาพ หรือเสียง เช่น ผลการเรียนของนักเรียนในชั้นเรียน
            Hall (2004,p.7) ได้จำแนกประเภทธุรกรรมออกเป็น 2 ส่วน คือ
            ส่วนที่ 1 ธุรกรรมที่เป็นตัวเงิน คือ เหตุการณ์ทางเศรษฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบกับมูลค่าสินทรัพย์ และส่วนของเจ้าของธุรกิจ สะท้อนให้เห็นตัวเลขทางบัญชี
            ส่วนที่ 2 ธุรกรรมที่ไม่เป็นตัวเงิน คือ เหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบหรืออยู่ในความสนใจของธุรกิจ โดยหน่วยประมวลผลภายใต้กระบวนการสารสนเทศ
            1.2 สารสนเทศ คือ ข้อมูลที่ถูกจัดโครงสร้างให้อยู่ในรูปแบบที่มีความหมายและมีมูลค่าต่อผู้รับ ผ่านกระบวนการประมวลผลแลจัดให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจได้ เช่น ผลการเรียนเฉลี่ย (GPA)
            ในการแปลงสภาพข้อมูลให้กลายเป็นสารสนเทศจำเป็นต้องอาศัยกระบวนการประมวลผลที่เฉพาะเจาะจง เช่น ระบบการลงทะเบียนออนไลน์ อาจเลือกใช้กระบวนการ ดังนี้
1.            การจัดกลุ่มข้อมูล คือ การจำแนกประเภทของข้อมูลอกเป็นกลุ่ม เช่น กลุ่มรายได้จากการขายและการบริหาร
2.            การจัดเรียงข้อมูล โดยใช้เกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่ง เช่น รหัสประจำตัวนักศึกษาจากน้อยไปมาก
3.            การสรุปผลข้อมูล คือ การคำนวณและสรุปยอดข้อมูลที่ต้องการ เช่น สรุปจำนวนนักศึกษาประจำปี พ.. 2547
4.            การออกรายงาน คือ การจัดพิมพ์รายงานตามรูปแบบที่ผู้ใช้ต้องการ
            1.3 ความรู้ ประกอบด้วย ข้อมูลและสารสนเทศ ถูกจัดโครงสร้างและประมวลผล เพื่อถ่ายโอนความเข้าใจ ประสบการณ์ การเรียนรู้ รวมทั้งความเชี่ยวชาญที่เก็บสะสมไว้ภายใต้ฐานความรู้ซึ่งใช้แก้ปัญหา
2. คุณลักษณะของสารสนเทศ
            2.1 ความตรงกับกรณี ต้องมีความสอดคล้องกับจุดประสงค์ด้านการใช้สารสนเทศ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหาร การปฏิบัติงานประจำวัน หรือพนักงานปฏิบัติหน้าที่
            2.2 ความทันต่อเวลา การได้รับสารสนเทศที่ล่าช้า ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานและการตัดสินใจทางธุรกิจ
            2.3 ความถูกต้อง สารสนเทศที่ได้รับจะต้องแสดงเหตุการณ์ หรือธรรมชาติของเนื้อหาที่มีความถูกต้อง ตรงไปตรงมา สารสนเทศที่มีระดับความถูกต้องต่ำ เป็นผลทำให้เกิดความล้มเหลวของสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ
            2.4 ความครบถ้วนสมบูรณ์  ต้องไม่ละเลยในส่วนสำคัญของเหตุการณ์หรือกิจกรรมทางธุรกิจ ต้องมีความชัดเจนและปราศจากความกำกวมใด ๆ
            2.5 การสรุปสาระสำคัญ ต้องสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้สารสนเทศ ผู้บริหารระดับล่างมีแนวโน้มของการใช้สารสนเทศที่มีรายละเอียดสูง
            2.6 การตรวจสอบได้ มีการตรวจสอบซึ่งกันและกันได้ การประมวลผลข้อมูลชุดเดียวกัน 2 ครั้ง ไม่ควรมีความแตกต่างกัน

3. มูลค่าของสารสนเทศ
            กรณีที่ 1 ชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์ ที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลจากฝ่ายบริหาร เช่น การขายสินค้าแยกตามพนักงาน ช่วยกระตุ้นให้ผู้จัดการฝ่ายขายเข้าไปดูแลและติดตามหาสาเหตุ พร้อมทั้งทำการแก้ไข
            กรณีที่ 2 ช่วยลดความไม่แน่นอน เช่น การกำหนดราคาสินค้าและกำหนดนโยบายสินเชื่อ
            กรณีที่ 3 การให้ผลป้อนกลับ มาใช้ปรับปรุงการตัดสินใจในครั้งต่อไป
4. ข้อจำกัดของการใช้สารสนเทศ
            ประการที่ 1 การเกิดภาวะของสารสนเทศที่มากเกินความจำเป็น จะมีผลทำให้สิ้นเปลืองเวลาและลดคุณภาพของการตัดสินใจลง ในขณะที่ต้นทุนของสารสนเทศเพิ่มมากขึ้น
            ประการที่ 2 มาตรการวัดผลการดำเนินงานที่ไม่เหมาะสม การจัดทำรายงานเพื่อวัดผลการดำเนินงานนำเสนอต่อผู้บริหาร เพื่อกระตุ้นพนักงานให้มีพฤติกรรมที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักขององค์กร ผู้บริหารควรวิเคราะห์แนวโน้มของตัวแปรที่สำคัญ เช่น ยอดขาย ต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ระดับของสินทรัพย์ และทัศนคติของพนักงาน เป็นต้น
            เทคโนโลยีสารสนเทศ
1. ความหมายและส่วนประกอบ
            พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ..2542 (2546,หน้า534) ได้ให้นิยามว่า เทคโนโลยี หมายถึง วิทยาการที่นำเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติและอุตสาหกรรม
            Turban et al. (2006,p.21) ได้ให้นิยามว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง ชุดของระบบคอมพิวเตอร์ที่นำมาใช้ภายในองค์การ เพื่อจุดประสงค์การแลกเปลี่ยนข้อมูลและสารสนเทศ ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้
1.            ฮาร์ดแวร์ คือ ชุดของอุปกรณ์ที่ถูกนำมาใช้ร่วมกันเพื่อการรับเข้าข้อมูลและสารสนเทศ การประมวลผล และการส่งผลลัพธ์ออกทางจอมอนิเตอร์หรือเครื่องพิมพ์
2.      ซอฟต์แวร์ คือ ชุดคำสั่งสำหรับการประมวลผลของฮาร์ดแวร์
3.      ฐานข้อมูล คือ ชุดของแฟ้มข้อมูล และตารางความสัมพันธ์ที่ใช้เก็บข้อมูล
4.       เครือข่ายและโทรคมนาคม คือ ชุดของอุปกรณ์เชื่อมต่อระบบที่มีการใช้ทรัพยากรสารสนเทศร่วมกันโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่างกัน อาจใช้ระบบไร้สาย
5.  อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คือ อุปกรณ์วงจงไฟฟ้าบนเครือข่ายในรูปแบบใช้สายและไร้สาย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลของระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผล
2. บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศทางธุรกิจ
            ระยะที่ 1 องค์การมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับจัดการงานประจำวัน เช่น ระบบอัตโนมัติด้านการผลิตและการบัญชี ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ถูกผลิตขึ้นใช้สำหรับงานเฉพาะอย่าง การใช้งานต่ำและราคาสูง ดังนั้น จึงมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเฉพาะในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น
            ระยะที่ 2 องค์การมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในฐานะของเทคโนโลยีที่มีกรรมสิทธิ์ เพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ถูกผลิตขึ้นใช้สำหรับงานเฉพาะอย่าง ขีดความสามารถในการใช้งานสูง ราคาสูง นิยมใช้ในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดกลาง
            ระยะที่ 3 องค์การมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในฐานของเทคโนโลยีที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานระหว่างองค์การบนพื้นฐานของระบบเครือข่าย ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ยังอยู่ในฐานะสินค้าโภคภัณฑ์ ประสิทธิภาพการใช้งานสูง ราคาถูก ไม่ได้เปรียบทางการแข่งขัน ขีดความสามารถในการใช้งานสูง ราคาต่ำ แพร่หลายทั้งภายในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก
            ผลประโยชน์ที่องค์กรได้รับจากการใช้สารสนเทศ คือ
1.            สร้างองค์การแห่งการเรียนรู้ การใช้ชุดคำสั่งของระบบประยุกต์ เพื่อการปฏิบัติงาน
2.            สร้างความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน การจัดการ และการตัดสินใจ
3.            สร้างและธำรงรักษาความสามารถใยการแข่งขันทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
4.            เพิ่มรายได้ให้กับองค์กรทั้งทางตรงและทางอ้อม
5.            ลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงานและลดการใช้ทรัพยากรที่ซ้ำซ้อนลง
6.            เพิ่มคุณภาพของสินค้าหรือบริการเพื่อให้ได้มาตรฐาน
7.            สร้างความแตกต่างระหว่างองค์การ
            การใช้สารสนเทศในองค์กรธุรกิจ
1. กระบวนการทางธุรกิจ
            Laudon and Laudon (2005,p.7) ได้ให้นิยามว่า กระบวนการทางธุรกิจ คือ วิธีการทำงานที่มีลักษณะเฉพาะของการจัดระบบงานและการประสานงานทางธุรกิจ มุ้งเน้นการผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสำหรับการส่งมอบให้ลูกค้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
            Gelinas, Sutton, and Fedorowicz (2004,p.12) ระบุไว้ว่า กระบวนการทางธุรกิจ คือ การรวมตัวของ 3 กระบวนการ คือ
1.1    กระบวนการปฏิบัติการ คือ ระบบการทำงานซึ่งประกอบด้วย บุคคล อุปกรณ์ องค์การ นโยบาย และกระบวนงาน วัตถุประสงค์เพื่อการทำงานขององค์การให้ ลุล่วงด้วยดี เช่น การผลิต การตลาดและการขาย การบริหารทรัพยากรมนุษย์ การบัญชี เป็นต้น
1.2    กระบวนการจัดการ ประกอบด้วยบุคคล อำนาจหน้าที่ องค์การ นโยบาย และองค์การ เช่น การวางแผน การควบคุม และการตัดสินใจ
1.3    กระบวนการสารสนเทศ หรือกระบวนการทางธุรกิจของระบบสารสนเทศ คือ ระบบที่ประกอบด้วยการรวมตัวกันของชุดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั้งด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และส่วนประกอบที่สร้างขึ้นด้วยมือ เพื่อรวบรวม จัดเก็บ และจัดการข้อมูล
2. แนวทางการใช้สารสนเทศทางธุรกิจ
            2.1 ระดับปฏิบัติการ คอยสอดส่องดูแลงานด้านต่าง ๆ เช่น การประมวลผล การบันทึก        การรายงานเหตุการณ์ทางธุรกิจ โดยมีการใช้สารสนเทศช่วยสนับสนุนการปฏิบัติงาน    ด้านการรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า การบันทึก ปรับปรุงยอดขายสินค้า ยอดลูกหนี้ และการ   สรุปรายงาน
            2.2 ระดับบริหาร เป็นเครื่องมือช่วยสนับสนุนกิจกรรมด้านการจัดการ ตลอดจนการ            ตัดสินใจทางธุรกิจ จำแนกวิธีการที่ผู้จัดการหรือผู้บริหารนิยมใช้ได้ 2 วิธี คือ
                        วิธีที่ 1 ใช้ติดตามการปฏิบัติงานในปัจจุบัน
                        วิธีที่ 2 ใช้สร้างความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัท
3. สายงานด้านสารสนเทศ
            3.1 สายงานด้านสารสนเทศในแนวดิ่ง เกิดจากระดับชั้นของการบริหารงานในองค์การ
                        3.1.1 การรายงานผลการปฏิบัติงาน จะทำการรายงานผลการปฏิบัติงานต่อ                           ผู้จัดการหรือผู้บริหารระดับสูง เกิดการไหลเวียนด้านสารสนเทศ
                        3.1.2 การงบประมาณและการสั่งการ ถือเป็นหน้าที่ของผู้บริหารระดับสูงที่จะทำ                 การวางแผนงบประมาณและออกคำสั่งปฏิบัติการในเรื่องต่าง ๆ ให้ปฏิบัติหน้าที่                        ตามที่ได้รับมอบหมาย
            3.2 สายงานด้นสารสนเทศในแนวนอน เกิดขึ้นจากการกระจายสารสนเทศไปยังส่วน          งานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
                        3.2.1 การกระจายสารสนเทศภายในองค์การ จะมีการนำส่งสารสนเทศภายใต้      ระบบปฏิบัติการ จากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งที่อยู่ในองค์การ                            เดียวกัน เช่น หน่วยขายได้รับคำสั่งจากลูกค้าก็จะนำข้อมูลส่งไปยังหน่วยผลิต
                        3.2.2 การกระจายสารสนเทศไปยังองค์กรภายนอก เกิดจากการแลกเปลี่ยนข้อมูล
                                    กลุ่มที่ 1 หุ้นส่วนธุรกิจ คือลูกค้า ผู้จัดหา และผู้ให้บริการต่าง ๆ เช่น ผู้                                                ขนส่ง และธนาคาร
                                    กลุ่มที่ 2 ผู้มีส่วนได้เสีย คือ บุคคลภายนอกองค์การที่มุ่งความสนใจในตัว                                          องค์การ เช่น ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และสถาบันการเงิน
สารสนเทศทางธุรกิจยุคโลกาภิวัตน์
                โลกาภิวัตน์ (Globalization) หมายถึง การแพร่กระจายไปทั่วโลก; การที่ประชาคมโลกไม่ว่าจะอยู่ ณ จุดใดสามารถรับรู้ สัมพันธ์หรือรับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว 
1. ระบบเศรษฐกิจ

                ระบบเศรษฐกิจภายใต้การดำเนินธุรกิจยุคโลกาภิวัตน์ มักจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เศรษฐกิจยุคดิจิทัล หมายถึง เศรษฐกิจหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น อินเตอร์เน็ต อินทราเน็ต เครือข่ายมูลค่าเพิ่ม คอมพิวเตอร์ ซอฟแวร์และเทคโนโลยี
                ในบางครั้ง นิยมเรียกเศรษฐกิจยุคดิจิทัลว่า เศรษฐกิจยุคใหม่ (New Economy) เศรษฐกิจยุคอินเตอร์เน็ต (Internet Economy) หรือเศรษฐกิจยุคเว็บ (Web Economy) โดยมีการนำเสนอสารสนเทศบนแพลตฟอร์มทั่วโลกซึ่งบุคลากรและองค์การได้คิดค้นกลยุทธ์
2. การจัดองค์การ
                สำหรับการดำเนินธุรกิจในยุคโลกาภิวัตน์จะปรากฏการจัดการองค์การหายรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า องค์การดิจิทัล คือ องค์การที่มีการทำงานในหลายมิติ โดยอาศัยความสามารถในด้านดิจิทัลและสื่อดิจจิทัล จัดการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธืทางธุรกิจ โดยเฉพาะในส่วนของการติดต่อกับลูกค้า ผู้จัดหารวมทั้งลูกจ้างขององค์การ โดยมักมีการรับรู้และตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมได้รวดเร็วกว่าองค์การรูปแบบอื่น ตลอดจนความสามารถด้านการปรับตัวให้มีความอยู่รอดทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี
3. แบบจำลองทางธุรกิจ
                แบบจำลองทางธุรกิจ (Business Model) คือ วิธีการดำเนินธุรกิจ ที่ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างรายได้เพื่อค้ำจุนองค์การให้อยู่รอด ซึ่งจะอธิบายวิธีการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าเต็มใจจ่ายค่าซื้อผลิตภัณฑ์ขององค์การ ซึ่งได้ยกตัวอย่างแบบจำลองธุรกิจอย่างง่าย เช่น  บริษัท โนเกีย จำกัด ผลิตและขายโทรศัพท์มือถือและสร้างกำไรจากยอดขาย
4. เครือข่ายคอมพิวเตอร์
                เครือข่ายคอมพิวเตอร์(Computer Network) ซึ่งก็คือ โครงสร้างพื้นฐานของอีคอมเมิร์ซ และอยู่ในรูปแบบของคอมพิวเตอร์แบบกระจาย โดยมีการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น เช่น  เครือข่ายโทรคมนาคมส่งผลให้เกิดสภาพแวดล้อมในนามของ อินเตอร์เน็ต สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์เฉพาะภายในองค์การ เรียกว่า อินทราเน็ต ในเวลาต่อมามีการใช้ระบบไร้สาย (Wireless Systems)
5. โอกาสของผู้ประกอบการ
                5.1 การจัดการเชิงกลยุทธ์
                5.2 จุดศูนย์รวมลูกค้า
                5.3 การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เช่น การสร้างโปรแกรมการจัดการคุณภาพทั้งหมด
             5.4 การปรับกระบวนการทางธุรกิจ
                5.5 นวัตกรรมด้านการผลิตตามคำสั่ง และการผลิตแบบสั่งทำในปริมาณมาก
                5.6 ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และอีคอมเมิร์ซ
                5.7 พันธมิตรทางธุรกิจ
 
อ้างอิง: รุจิจันทร์ พิริยะสงวนพงศ์. สารสนเทศทางธุรกิจ. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2549.
               

               
               

2 ความคิดเห็น: